วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

โครงงานบล็อก เรื่อง Dentist

โครงงาน Dentist
บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
            เนื่องจากในปัจจุบันเด็กมากมายมักฟันพุ เพราะการอมลูกอมแล้วไม่ยอมแปรงฟันจึงทำให้ฟันพุ แต่อาจจะมีวิธีการรักษาโดยวิธีต่างๆตามสภาพของฟัน ฟันนั้นเป็นอวัยวะที่สำคัญมากสำหรับหนุ่มๆสาวๆหลายคน เพราะคนจะสวย จะหล่อได้แต่ถ้าฟันพุก็อาจจะทำให้หมดสวยหมดหล่อกันได้  โครงงานเรื่องนี้จึงจัดทำขึ้นเพื่อแนะนำการรักษาฟันได้อย่างถูกต้อง และบอกวิธีที่จะรักษาฟันกับทันตแพทย์
วัตถุประสงค์
11.            เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสภาพฟันที่แข็งแรง
22.            เพื่อให้ทุกคนรู้จักการรักษาฟันได้อย่างถูกวิธี
ขอบเขตของโครงงาน
คลินิกทันตแพทย์ หรือโรงพยาบาล
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
11.            ทุกคนมีสภาพฟันที่แข็งแรง
22.            ทุกคนรู้จักรักษาฟันได้อย่างถูกวิธี
33.            ทุกคนแปรงฟันได้อย่างถูกวิธี
44.            ทุกคนเห็นความสำคัญของฟัน

บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ฟัน เป็นอวัยวะที่อยู่ภายในช่องปากของคนและสัตว์ มีส่วนรากติดอยู่กับขากรรไกรและมีตัวฟันโผล่พ้นเหงือกออกมา
ฟันเป็นอวัยวะที่เจริญมาจากเนื้อเยื้อชั้นนอก (Ectoderm) เช่นเดียวกับผิวหนังหรือเกล็ดปลา ฟันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในระบบย่อยอาหาร หน้าที่หลักของฟันคือ ฉีก บด อาหารให้คลุกเคล้ากับน้ำลาย และนอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการพูดออกเสียงด้วย
ลักษณะของฟันมีส่วนเกี่ยวข้องกับลักษณะอาหารของสัตว์แต่ละประเภทเช่นเดียวกับวิวัฒนาการ ตัวอย่างเช่น พืชนั้นยากที่จะย่อยดังนั้น สัตว์กินพืช(Herbivore) จึงต้องมีฟันกรามหลายซี่เพื่อใช้ในการเคี้ยว ส่วนสัตว์กินเนื้อ (Carnivore) ต้องมีฟันเขี้ยวเพื่อฆ่าและฉีกเหยื่อและเนื้อนั้นให้ย่อยง่าย พวกมันจึงกลืนได้โดยที่ไม่ต้องใช้ฟันกรามเคี้ยวมากนัก
ประเภทของฟัน
ฟันตัดหน้าซี่กลาง (central incisor) : ขากรรไกรบน ซี่ ขากรรไกรล่าง ซี่ มีหนึ่งราก
·         ฟันตัดหน้าซี่ข้าง (lateral incisor) : ขากรรไกรบน ซี่ ขากรรไกรล่าง ซี่: ฟันตัดหน้าทั้งสองประเภททำหน้าที่ตัดอาหาร ในสัตว์ที่กินอาหารโดยการแทะฟันนี้จะเจริญที่สุด
·         ฟันเขี้ยว (cuspid or canine) : ขากรรไกรบน ซี่ ขากรรไกรล่าง ซี่: ทำหน้าที่ตัด ฉีก หรือแยกอาหารออกจากกัน
·         ฟันกรามน้อย (premolar) : ขากรรไกรบน ซี่ ขากรรไกรล่าง ซี่: ทำหน้าที่ตัดและฉีกอาหาร (สัตว์กินเนื้อเช่น เสือ สุนัข แมว จะมีเขี้ยวและกรามน้อยเจริญดีและแข็งแรงเป็นพิเศษ)
·         ฟันกราม (molar) : ขากรรไกรบน ซี่ ขากรรไกรล่าง ซี่: ทำหน้าที่เคี้ยวและบดอาหาร
ส่วนประกอบของฟัน

·         เคลือบฟัน (enamel) : เป็นส่วนที่แข็งที่สุดของฟันมีส่วนประกอบของแคลเซียมและฟอสเฟต
·         เนื้อฟัน (dentine) : เป็นส่วนที่แข็งน้อยกว่าเคลือบฟัน มีความแข็งพอๆกับกระดูก ชั้นนี้มีการสร้างและสลายอยู่ตลอดเวลา เป็นชั้นที่มีเซลล์เป็นจำนวนมาก
·         โพรงประสาทฟัน (pulp) : เป็นที่อยู่ของเส้นเลือดที่นำอาหารมาหล่อเลี้ยงฟัน และนำของเสียออกจากฟัน และมีเส้นประสาทรับความรู้สึกของฟัน
·         เคลือบรากฟัน (cementum) : เป็นส่วนของเนื้อเยื่อปริทันต์ที่อยู่ภายในรากฟัน ด้านหลังของเหงือก ซึ่งมีเส้นประสาทไหลเวียนมาก
·         ชั้นร่องเหงือก (gingival crevice) : ร่องระหว่างเหงือกตัวฟันกับขอบเหงือก มีความลึกประมาณ มิลลิเมตร
·         เหงือก (gingiva) : เนื้อเยื่อที่หุ้มตัวฟันและกระดูกขากรรไกรไว้
·         กระดูกเบ้ารากฟัน (alveolar bone) : ส่วนกระดูกที่รองรับรากฟัน

ฟันของมนุษย์
โดยปกติคนเรามีฟันสองชุด

ชุดแรกคือ ฟันน้ำนม (deciduous teeth) ฟันชุดนี้จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ เดือน และขึ้นครบ 20 ซี่เมื่ออายุประมาณ ขวบครึ่ง

ตารางแสดงระยะการขึ้นของฟันซี่ต่างๆ (ฟันน้ำนม)
ซี่ฟันน้ำนม
ฟันบน
ฟันล่าง

อายุที่ควรขึ้น
อายุที่ควรหลุด
อายุที่ควรขึ้น
อายุที่ควรหลุด

ฟันตัดหน้าซี่กลาง
เดือนครึ่ง
ปีครึ่ง
เดือน
ปี

ฟันตัดหน้าซี่ข้าง
เดือน
ปี
เดือน
ปี

ฟันเขี้ยว
18 เดือน
10 ปีครึ่ง
16 เดือน
ปีครึ่ง

ฟันกรามซี่ที่ 1
14 เดือน
10 ปีครึ่ง
12 เดือน
10 ปี

ฟันกรามซี่ที่ 2
24 เดือน
10 ปีครึ่ง
20 เดือน
11 ปี

ฟันชุดที่สองคือ ฟันแท้หรือฟันถาวร (permanent teeth) ฟันชุดนี้มีทั้งหมด 32 ซี่ ฟันชุดนี้จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ ขวบ แต่จะขึ้นครบ 28 ซี่ เมื่ออายุครบ 12 ปี โดยที่เหลือคือฟันกรามซี่สุดท้าย ซี่จะขึ้นมาในช่วงอายุ 18-25ปี แต่ถ้าฟันทั้ง ซี่ดังกล่าวไม่ขึ้นมาก็จะกลายเป็นฟันคุด





ตารางแสดงระยะการขึ้นของฟันซี่ต่างๆ (ฟันแท้)
ซี่ฟันแท้
อายุที่ควรขึ้น
ฟันตัดหน้าซี่กลาง
ปี
ฟันตัดหน้าซี่ข้าง
ปี
ฟันเขี้ยว
11-13 ปี
ฟันกรามน้อยซี่ที่ 1
10-11 ปี
ฟันกรามน้อยซี่ที่ 2
10-12 ปี
ฟันกรามซี่ที่ 1
6-7 ปี
ฟันกรามซี่ที่ 2
12-13 ปี
ฟันกรามซี่ที่ 3
18-25 ปี
ฟันถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์ และมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ ดังนั้นจึงควรให้ความใส่ใจดูแลและรักษาอยู่เสมอ ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน หรือทุกครั้งหลังอาหาร เพื่อกำจัดเศษอาหาร และ คราบจุลินทรีย์ และควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสภาพฟันทุกๆ เดือน

วิธีดูแลฟัน เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้รอยยิ้ม (Men's Health)

1. เปลี่ยนวัสดุอุดฟัน

          ปัจจุบันวัสดุอุดฟันสีขาวหรือคอมโพสิตเรซิน มีความทนทานต่อการใช้งานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เสียแต่ว่าเทคนิคการอุดยุ่งยากกว่าวัสดุอมัลกัมแบบเดิม ๆ แถมยังมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย แต่การพูดกับคนอื่นแล้วเขามองเห็นฟันของคุณเป็นสีธรรมชาติ ย่อมดูดีกว่าการมองเห็นฟันที่มีรอยปะเป็นตะกั่วเต็มปากแน่นอน

2. หมั่นดูแลสภาพเหงือก

          เพราะเหงือกที่มีสุขภาพดีบ่งบอกถึงการรักษาความสะอาดและการดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี เหงือกที่มีสีชมพูสวย ๆ และโค้งเว้าไปกับรูปฟันที่สวยงามย่อมดูดีและน่าสนทนาด้วย ต่างจากคนที่มีเหงือกสีแดงเข้มและบวม ๆ ไม่ได้รูปอย่างแน่นอน

3. อย่าปล่อยให้เหงือกร่น

          เหงือกร่นมักมีสาเหตุจากการละเลยไม่ยอมไปขูดหินปูนเป็นเวลานาน ๆ หรือพวกที่ชอบแปรงฟันแรง ๆ จนไปทำร้ายเหงือกตัวเอง ทำให้มองเห็นช่องว่างดำ ๆ ระหว่างซี่ฟันเต็มไปหมด โดยฟันจะดูยาว ๆ ผิดรูปและทำให้ดูอายุมากขึ้นแน่นอน

4. ทำให้ฟันขาวขึ้นโดยที่ยังดูเป็นธรรมชาติ 

           ไม่ใช่ขาวโอโม่ผิดธรรมชาติหรือขาวขุ่น ๆ เหมือนชอล์กนะครับ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ฟันของเราจะมีสีเข้มขึ้นเป็นธรรมดา นั่นหมายความว่าคนแก่ย่อมมีฟันเหลืองกว่าคนหนุ่มคนสาว หากฟันของคุณสีเข้มจนทำให้ดูเหมือนอายุมากแล้วล่ะก็ แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์ประจำตัวของคุณนะครับ เพราะการทำฟันให้ขาวขึ้นมีหลายวิธีครับ

5. ฟันสวยช่วยลดอายุ

          เคยสังเกตไหมครับว่า ฟันของคนแก่มักจะสึกกร่อน นั่นเป็นเพราะฟันคนแก่ใช้งานมานาน ย่อมต้องมีการสึกหรอไปตามกาลเวลา แต่บางคนยังไม่ทันแก่แต่ฟันเริ่มสึกกร่อนมากกว่าที่ใช้งานจริง เหตุเพราะว่าอาหารที่คุณรับประทานหรือเครื่องดื่มบางชนิด หรืออาจเกิดจากนิสัยประจำตัวบางอย่างร่วมด้วย จึงทำให้ปลายฟันหน้าดูสั้นและเรียบแบน ซึ่งการเพิ่มปลายฟันให้ได้รูป จะช่วยให้คุณยิ้มได้อย่างเปิดเผยและมั่นใจขึ้นแน่นอน

6. ลงทุนกับฟันปลอม

          ฟันปลอมที่ไม่พอดีเป็นอีกสาเหตุหนึ่งทำให้คุณดูไม่ดีเวลาสนทนา โดยเฉพาะฟันปลอมชนิดถอดได้แบบเก่า ที่ใช้งานมานานจนหมดอายุของวัสดุ หรือหลวมและต้องประคับประคองไว้ในปากตลอดเวลา รวมทั้งฟันปลอมประเภทสีเพี้ยน เหงือกดำ หนาเตอะ หรือกดเหงือกจนอักเสบ ล้วนแต่เป็นตัวการทำลายรอยยิ้มและบุคลิกของคุณทั้งสิ้น

7. สไมล์ไลน์

         เส้นโค้งสวย ๆ เวลาที่คนอื่นเห็นฟันของคุณ โดยสไมล์ไลน์นั้นเกิดจากการลากเส้นไปบนปลายฟันกรามน้อยบนจนถึงกรามน้อยอีกข้าง ซึ่งเราจะได้เส้นโค้งที่ผ่านปลายฟันทั้งสิบซี่ที่เกิดจากความสูงต่ำที่ไม่เท่ากันเป๊ะของปลายฟันหน้าบน อันจะตอบรับสัมพันธ์กันกับริมฝีปากของแต่ละคน ถ้าสไตล์ไลน์ของคุณโอเค รอยยิ้มของคุณก็จะโอเคเช่นกัน

8. เช็คแนวฟัน

          แถวแนวฟันก็สำคัญนะครับ เพราะคนที่มีฟันซ้อนหรือฟันห่าง ไม่ว่าจะห่างบางช่องหรือห่างทุกช่องซ้อนทุกซี่หรือซ้อนบางซี่ก็ตาม คนที่พุดคุยกับคุณและมองเห็นฟันคุณเป็นอย่างนั้น คงจะรู้สึกว่าช่างไม่สบายตาเอาเสียเลย ยิ่งฟันห่าง ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งดูเหมือนคนชรามากขึ้นไปอีก ดังนั้น การแก้ไขแถวแนวของฟันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ตัวคุณเองได้อย่างแน่นอน

โรคฟันผุ 
         โรคฟันผุ เป็นโรคท๊อปฮิตของคนไข้ที่มาพบทันตแพทย์ โรคฟันผุเป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อโรค คือแบคทีเรียชื่อ Streptococcus mutans ซึ่งติดต่อได้ทางน้ำลาย โดยโรคฟันผุนี้เกิดจากการที่แบคทีเรียที่ย่อยสลายอาหารประเภทน้ำตาลทำให้เกิดกรดแลคติก ที่มีฤทธิ์ในการการสลายแร่ธาตุเคลือบฟันและเนื้อฟันส่วนที่โผล่ขึ้นมาในช่องปากได้แก่แร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส ให้ออกจากตัวฟันจึงทำให้เคลือบฟัน ตัวฟัน และรากฟันที่โผล่พ้นออกมาจากเหงือกถูกทำลายจนเกิดเป็นโพรง หรือเป็นรูตามฟันได้โดยง่าย ในสภาวะปกติภายในช่องปากมีกระบวนการเปลี่ยนแร่ธาตุแคลเซียมและ ฟอสฟอรัสในระหว่างชั้นผิวเคลือบฟัน และแร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำลายตลอดเวลาอย่างสมดุล ทำให้ไม่มีการสูญเสียแร่ธาตุออกจากผิวฟัน แต่ในภาวะที่จุลินทรีย์มีการย่อยสลายอาหารแป้งและน้ำตาล จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของน้ำลายเป็นกรด ทำให้สูญเสียแร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสออกจากตัวฟันมากกว่าการได้รับกลับคืน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นบ่อยจะทำให้เกิดฟันผุ 


        ปัยจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ ได้แก่ 
          1. ตัวเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดฟันผุ คือ Streptococcus mutans 
          2. พื้นผิวของตัวฟัน ถ้าฟันมีความขรุขระมาก ก็จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย 
          3. อาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่เป็นน้ำตาลและ ค่อนข้างเหนียวจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุได้มาก 
          4. ระยะเวลาที่แบคทีเรียสามารถเกาะอยู่บนผิวฟัน โดยปกติน้ำลายจะคอย ชะล้างสิ่งสกปรกในช่องปาก ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันฟันผุทางหนึ่ง แต่เนื่องจากในเวลากลางคืนน้ำลายจะหลั่งออกมาได้น้อยจึงทำให้สามารถชะล้างแบคทีเรียออกไปได้น้อย ดังนั้นการรับประทานอาหารในช่วงเวลากลางคืนโดยไม่แปรงฟันก่อนนอน จะทำให้มีโอกาสเกิดฟันผุได้มากกว่าการรับประทานอาหารในช่วงเวลากลางวันโดยไม่แปรงฟัน

ฟันแต่ละซี่มีโอกาสผุไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 
      + ฟันที่มีรูปร่างเป็นหลุมและมีร่องลึก ฟันที่อยู่ลึก หรือฟันเก จะมีโอกาสผุได้ง่ายกว่าฟันที่รูปร่างปกติ เนื่องจากทำความสะอาดยาก
      + ด้านของฟันที่สัมผัสฟันข้างเคียง เช่น ด้านประชิดก็จะเป็นบริเวณที่ฟันมีการผุได้ง่าย 
      + ฟันที่มีสารฟลูออไรด์เป็นองค์ประกอบ จะมีความแข็งแกร่งและต้านทานต่อการเป็นโรคฟันผุได้มากกว่าฟันทั่วไป
       อาการของโรคฟันผุ 


         ระยะเริ่มแรก พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ชั้นเคลือบฟัน โดยกรดจะเริ่มทำลายชั้นเคลือบฟันเปลี่ยนจากสีขาวใสมันวาว เป็นสีขุ่นขาวบริเวณที่เป็นผิวเรียบของฟัน หรือหลุมร่องฟัน จุดสีน้ำตาล หรือสีเทาดำ ระยะนี้ยังไม่มีอาการใดๆ จึงมักถูกละเลยปล่อยทิ้งไว้ แต่ถ้าหมั่นแปรงฟันให้สะอาดและใช้ฟลูออไรด์ทาเฉพาะที่จะสามารถช่วยยับยั้งการลุกลามได้ แต่ถาปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งการผุลุกลามถึงเนื้อฟันจนเนื้อฟันเปื่อยยุ่ยมองเห็นเป็นรูชัดเจน จะเริ่มมีอาการเสียวฟันหรือปวดฟัน เมื่อถูกของร้อน เย็น หรือหวานจัด ระยะนี้ต้องพบทันตแพทย์เพื่อรีบทำการรักษาด้วยการอุดฟัน และหากไม่ได้รับการดูแลรักษา การผุก็จะเข้าสู่ขั้นรุนแรงลุกลามเข้าทำลายลึกถึงโพรงประสาทฟันทำให้เกิด การอักเสบของเนื้อเยื่อภายในโพรงประสาทฟัน ซึ่งระยะนี้จะมีอาการปวดรุนแรงมาก การรักษาก็ทำได้ค่อนข้างยากและถ้ามีการติดเชื้อร่วมด้วยก็จะเกิดการอับเสบบวมรอบๆบริเวณเหงือกและฟันด้วย
    การรักษาและดูแลโรคฟันผุ
     1. ฟันผุในระยะเริ่มแรกที่มีสีขุ่นขาว เพียงทำให้ช่องปากได้รับฟลูออไรด์อย่างสม่ำเสมอทุกวัน หรือใช้ฟลูออไรด์ทาเฉพาะที่ก็จะสามารถช่วยยับยั้งการลุกลาม และทำให้การผุนี้กลับคือสู่สภาพปกติได้ 
     2. กรณีที่ชั้นเคลือบฟันมีการเปลี่ยนเป็นสีดำแต่ยังไม่เป็นรูนั้น การแปรงฟันให้สะอาดอย่าสม่ำเสมอ สามารถช่วยยับยั้งไม่ให้เป็นฟันผุเป็นรูผุได้ 
     3. หมั่นตรวจดูว่ามีการลุกลามของโรคเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากการผุลุกลามจนเป็นรูแต่ไม่ลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน ต้องพบทันตแพทย์เพื่อรีบทำการรักษาด้วยการอุดฟัน 
     4. ถ้าฟันผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน ทันตแพทย์จะตรวจดูเนื้อฟันที่มีเหลือ หากมีพอเพียงที่จะบูรณะได้ก็จะรักษาโพรงประสาทฟันและบูรณะฟันให้อยู่ในสภาพดีดังเดิมโดยการอุดฟันหรือครอบฟัน แต่หากเนื้อฟันมีเหลืออยู่น้อยเกินไปก็จะรักษาโดยการถอนฟัน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเศษอาหาร และเชื้อโรค อันจะก่อให้เกิดการติดเชื้อลุกลามไปสู่ส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้
     5. กรณีที่วัสดุอุดฟันแตก ควรรีบรับการอุดฟันใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุต่อ

วิธีการป้องกันฟันผุด้วยตนเอง 
ควรรักษาช่องปากให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยการแปรงฟันทุกวันในตอนเช้า ก่อนนอน และหรือทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
หลังการแปรงฟันควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดตามซอกฟันด้วยอย่างสม่ำเสมอ
ควรปรับปรุงพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวาน ด้วยการลดความถี่ในการบริโภคน้ำตาล ไม่กินจุบกินจิบ และหลีกเลี่ยงขนมหวานเหนียวหนึบติดฟัน หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆให้ลองใช้วิธีนี้ คือ หาอาหารชนิดอื่นโดยเฉพาะอาหารที่มีฤทธิ์เป็นด่างมาละลายฤทธิ์กรด เช่นโปรตีน ยกตัวอย่างเช่น ทานช็อกโกแลตที่มีถั่วหรืออัลมอนด์ด้วยดีกว่าการทานช็อกโกแลตอย่างเดียว หรือทานก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำตาล ช้อน ในก๋วยเตี๋ยวจะ มีหมู ไก่ หรือปลา ซึ่งเป็นด่างช่วยลดความเป็นกรด มีถั่วงอก ผักบุ้งช่วยขัดฟัน และยังมีน้ำช่วยเจือจางกรดอีกด้วย
ใช้น้ำบ้วนปากทันทีหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
ควรใช้ฟลูออไรด์เสริมเพื่อป้องกันโรคฟันผุด้วยการเลือกใช้ยาสีฟันผสม ฟลูออไรด์ด้วย 






บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
ขั้นตอนการสร้างบล็อก

1. ให้ทำการสมัครบัญชีของ Gmail ของ google แต่ถ้าใครมีบัญชี Gmail อยู่แล้วก็ทำการล็อกอินเพื่อสร้างบล็อก ของ http://www.blogger.com/ ได้เลย ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อเราเข้าไปที่เว็บwww.blogger.com หน้าเพจแรกจะถามบัญชีถึงบัญชี  Gmail ของผู้ที่จะทำการสร้างบล็อกสำหรับนักศึกษาที่มีบัญชี Gmail อยู่แล้ว ก็กรอกชื่อบัญชี Gmail และ รหัสผ่านของตน ดังภาพ



หากใครยังไม่มีบัญชีให้คลิกที่เมนู Sign up เพื่อทำการสมัครบัญชี Gmail ใหม่


2.เมื่อเราเข้าไปที่ www.blogger.com ที่ได้ทำการล็อกอินบัญชีของ Gmail แล้ว หน้าแรกของ blogger 

จะมีหน้าตาดังภาพ ใคลิกไปที่เมนู บล็อกใหม่  เพื่อทำการสร้างบล็อก



1.            เมื่อเราคลิกไปที่เมนูเพื่อสร้างบล็อกใหม่แล้ว ให้ทำการกรอกรายละเอียดดังนี้ คือ ตรงหัวข้อ ให้พิมพ์ชื่อบล็อก ตรงที่อยู่ ให้ตั้งชื่อ URL ซึ่งควรใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษและตัวเลข และต้องดูตรงสถานะของบล็อกด้วยว่าชื่อ URL ที่ตั้งไปนั้นมีผู้ใช้แล้วหรือยังไม่มีผู้ใช้ มันจะแจ้งว่า ที่อยู่บล็อกนี้สามารถใช้ได้”  เสร็จแล้วให้ทำการเลือกรูปแบบ จากแม่แบบว่าจะให้บล็อกมีหน้าตาในการแสดงผลเช่นไร เมื่อเลือกแล้วก็ คลิกเมนู สร้างบล็อก


2.            เมื่อทำการสร้างบล็อกแล้ว เราจะกลับมาที่หน้าจัดการบล็อกเพื่อทำการตกแต่งบล็อกให้ดูสวยงามโดยการใส่รูปภาพ

 หรือ โค๊ดต่างๆ ให้นักศึกษาทำการคลิกลูกศรสีดำ เพื่อเลือกเมนู รูปแบบ  ดังภาพ



3.            เมื่อคลิกเมนูรูปแบบ แล้วจะมีหน้าตาดังภาพให้คลิกที่ เมนู เครื่องมือออกแบบเทมเพลต เพื่อปรับแต่งหน้าเทมเพลตตามที่เราต้องการ


เมื่อคลิกแล้วทำการเลือกรูปเทมเพลต ตามต้องการ เมื่อเลือกแล้วให้คลิกที่ เมนู ใช้กับบล็อก  เพื่อบันทึกรูปแบบเทมเพลต


4.            เมื่อทำการเลือกรูปแบบของเทมเพลตแล้วให้กลับมาที่ รูปแบบ  อีกครั้ง เพื่อทำการใส่หัวบล็อกและตกแต่งบล็อก

 โดยคลิกเลือกเมนู แก้ไข ตรงส่วนของ ชื่อบล็อก



เมื่อคลิกเมนู แก้ไข แล้วให้คลิกที่ เมนู เลือกไฟล์ เพื่อเลือกไฟล์ภาพที่จะนำมาเป็นหัวบล็อก 

เมื่อเลือกภาพได้แล้วกด open จากนั้นระบบจะทำการอัพโหลดภาพดังกล่าวเข้าไป 
เมื่อระบบอัพโหลดภาพเสร็จแล้ว ให้คลิกเลือก เมนู แทนที่ชื่อและคำอธิบาย  
เสร็จแล้วกดเมนู บันทึก เพื่อทำการบันทึกภาพดังกล่าวซึ่งจะเข้าไปอยู่ในตำแหน่งหัวบล็อก  ดังภาพ



5.            เมื่อทำการใส่หัวบล็อกเสร็จแล้ว ให้คลิกที่เมนู “เพิ่ม Gadget” 

เพื่อใส่โค๊ด ปฏิทิน นาฬิกา สถิติผู้เยี่ยมชม แล้วแต่ความต้องการของเรา แล้วคลิกเมนู บันทึกการจัดเรียง



8. เมื่อทำการใส่โค๊ดตกแต่งตามต้องการแล้ว ให้เลือกเมนู หน้าเว็บ   เพื่อทำการสร้างหน้าเว็บเพจต่างๆ ตามต้องการ

คลิกที่เมนู แสดงหน้าเว็บเป็น”  เลือกลูกศรสีดำ แล้วคลิกเลือกรูปแบบ “แท็บด้านบนสุด”   
แล้วกด “บันทึกการจัดเรียง” ดังภาพ



เมื่อทำการเลือกตำแหน่งของแท๊บเมนูแล้ว ให้ คลิกเมนู หน้าเว็บใหม่และเลือกลูกศรสีดำ เลือกเมนู หน้าเว็บเปล่า”   เพื่อสร้างหน้าเพจต่างๆ


9.เมื่อคลิกเมนูสร้างหน้าเว็บแล้ว ให้ตั้งชื่อเว็บเพจ ตรงช่อง และพิมพ์รายละเอียดลงไป แล้วคลิกที่เมนู บันทึก


10.เมื่อทำการสร้างเมนูเว็บเพจ แล้ว ท่านสามารถที่จะทำลิงค์ไปเว็บไซต์หรือบล็อกต่างๆ โดยคลิกที่เมนู เพิ่ม “Gadget” 

แล้วเลือก ฟังก์ชัน รายชื่อลิงค์ แล้วคลิกเครื่องหมาย + เพื่อสร้างลิงค์ ดังภาพ



เมื่อคลิกที่ฟังชันก์ รายชื่อลิงค์แล้ว ให้ทำการ พิมพ์ชื่อเมนู ว่า “ Link Exchange”   และ copy ลิงค์ ที่ต้องการเชื่อมโยงของเพื่อนมาใส่ไว้ในช่อง URL ของไซต์ใหม่  และ ตรงชื่อเว็บไซต์ให้ พิมพ์ชื่อ ของเว็บบั้นๆ ที่ต้องการทำลิงค์ เมื่อทำเสร็จ ให้คลิกที่ เมนู เพิ่มลิงค์”  เพื่อทำการเพิ่มลิงค์เว็บไซต์อื่นๆต่อไปแล้วคลิกที่เมนู บันทึก”   ดังภาพ














บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน




บทที่ 5
สรุปผล
            จากการสร้างบล็อกสรุปได้ว่าสภาพของฟันนั้นฟันผุ เป็นลักษณะการสลายองค์ประกอบของฟัน เกิดจากการปฏิบัติตัวของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ทาน การดูแลรักษาสุขภาพฟันที่ดี ปริมาณสารฟลูออไรด์ในน้ำและยาสีฟันที่ใช้ การถ่ายทอดทางพันธุกรรมก็เป็นสาเหตุสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวบอกโอกาสในการเกิดฟันผุในแต่ละบุคคลถึงแม้ว่าอาการฟันผุนี้จะพบมากในเด็กเพราะเด็กอาจยังไม่เห็นความสำคัญมากนัก แต่ผู้ใหญ่เองก็มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุได้เช่นกันแต่ผู้ใหญ่นั้นอาจเห็นความสำคัญกว่าเด็กเพราะทุกคนล้วนแล้วแต่อยากจะมีฟันที่สวยเพราะถ้าสภาพฟันนั้นไม่ดีมีฟันพุก็อาจจะเป็นประการหนึ่งที่ทำให้ทุๆคนนั้นหมดสวยหมดหล่อไปได้